Home สื่อเศรษฐกิจ เรื่องจากปก

เรื่องจากปก

by admin
980 views

” ล้านเก้า ” มาจากไหนเอ่ย ??
โดย วิมล ตัน

ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับงานประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หวังว่าเพื่อนๆ สมาชิก คงสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆ ที่สมาคมฯได้จัดเตรียมไว้ให้ และหากมีเรื่องขาดตกบกพร่องไปบ้าง ต้องขออภัยด้วย ซึ่งทางสมาคมฯพร้อมจะรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงงานให้ดีขึ้นต่อไป

แต่ภาพในวันประชุมใหญ่ของพวกเราวันนั้น นอกจากจะเข้าร่วมประชุมในฐานะสมาชิกของสมาคมแล้ว ยังได้แอบเห็นหลายๆ คนพบปะ ทักทาย เพื่อนฝูงที่นานๆ จะเจอกันสักครั้งอย่างสนุกสนาน จึงทำให้สมาชิกบางคน อาจจะรับทราบวาระการประชุมไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะการแถลงรายรับ-รายจ่ายของสมาคมฯ
ดังนั้น จึงขอถือโอกาสนี้ ชี้แจงให้เพื่อนๆ ได้รับทราบเรื่องเงินๆ ทองๆ และการบริหารจัดการงบการเงินของคณะกรรมการซะเลย
รายรับ-รายจ่ายของสมาคมฯ ประจำปี 2549 ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2549 มีรายจ่ายสูงกว่ารายรับ 88,418 บาท ในประเด็นนี้ยังเป็นที่สนใจของเพื่อนสมาชิกหลายคน และเป็นเรื่องที่คณะกรรม การฯต้องการชี้แจงให้เพื่อนๆ เข้าใจที่มาที่ไปอย่างชัดเจน
ประการแรก และถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ คณะกรรมการชุดปี 2549 ซึ่งมี “วิมล ตัน” ทำหน้าที่นายกสมาคมฯ นั้น ได้รับการเลือกตั้งเข้ามารับงานบริหารสมาคม เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 และเริ่มการทำงานวันที่ 1 มีนาคม 2549 นั่นหมายความว่า วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550 หรือวันประชุมใหญ่สามัญ จะเป็นวันสุดท้ายของการทำงานครบ 1 ปี ภายใน 1 ปีของการทำงาน หากดูจากตัวเลขรายรับ-รายจ่าย ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2549 จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2550 มีรายรับทั้งสิ้น 8,992,274.73 บาท ขณะที่มีรายจ่าย 7,045,100.21 บาท หรือมีรายรับสูงกว่ารายจ่ายถึง 1,947,174.52 บาท พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เรามีเงินเหลือจากการทำงานเก็บเข้าบัญชีสมาคมถึง 1.9 ล้านบาท กลับมาที่ตัวเลข ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2549 ที่งบบัญชีแสดงผลรายจ่ายสูงกว่ารายรับที่ 8.8 หมื่นบาทนั้น หากพิจารณาไส้ในของงบฯแล้ว จะพบว่า มาจากหลายสาเหตุ เช่น เกิดจากความแตกต่างของระบบการทำงานระหว่างคณะกรรมการชุดก่อนหน้า (ชุดของเพ็ญรุ่ง ใยสามเสน) กับคณะกรรมการชุดนี้ โดยชุดของเพ็ญรุ่งจะใช้วิธีระดมทุนจากผู้สนับสนุนของสมาคมตั้งแต่ต้นปี และเป็นเงินก้อนใหญ่ก้อนเดียว แล้วค่อยจัดทำกิจกรรมตามเงินที่ได้รับ ขณะที่คณะกรรมการชุดปี 2549 ยึดแนวทาง ใช้เท่าไหร่ ก็จะหาเท่านั้นŽ หมายความว่า เราจะคิดกิจกรรมก่อนที่จะหาสปอนเซอร์ จึงทำให้รายรับจากสปอนเซอร์ของชุดเพ็ญรุ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ชุดปี 2549 จะทยอยได้รับตามกิจกรรม และมีรายรับจากสปอนเซอร์ 4-5 องค์กรที่เข้ามาในช่วงต้นปี 2550 ไม่สามารถบันทึกบัญชีได้ทันงวดที่ปิด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 ได้แก่
1.เงินสนับสนุนจากสำนักงานสลากกินแบ่ง 2 แสนบาท
2.เงินสนับสนุนทุนภาษาต่างประเทศจากบริษัท เชฟรอน จำกัด 3 แสนบาท
3.เงินสนับสนุนจากบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 3 แสนบาท
4.เงินสนับสนุนจาก บล.กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 4 แสนบาท
5.เงินสมทบกิจกรรมช่วยเหลือสังคมจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 5 หมื่นบาท
ซึ่งหากเงินสนับสนุนเหล่านี้สามารถดำเนินการได้ทันสิ้นปี 2549 ก็เชื่อว่า เราคงไม่เห็นงบบัญชีของสมาคมมีรายจ่ายสูงกว่ารายรับอย่างแน่นอน!!
นอกจากนี้ยังมีคำถามเกิดขึ้นจากตัวเลขค่าใช้จ่ายจากการจัดงานแรลลี่ ซึ่งตามงบรายรับ-รายจ่าย ปี 2549 จะเห็นว่า สมาคมฯมีค่าใช้จ่ายจากการจัดงานแข่งขันแรลลี่สูงถึง 1.725 ล้านบาท ขณะที่ปี 2548 มีค่าใช้จ่ายเพียง 7.67 แสนบาท ซึ่งหากพิจารณาเฉพาะตัวเลข ก็เชื่อว่าทำให้หลายคนเข้าใจไปว่า คณะกรรมการชุดปี 2549 ประสบความล้มเหลวในการจัดกิจกรรมแรลลี่ ผิดกับภาพความสำเร็จที่หลายคนที่ได้ไปร่วมงานถึงกับออกปากว่า เป็นกิจกรรมที่มีสมาชิกและเหล่าพี.อาร์.พันธมิตรไปร่วมงานกันอย่างคับคั่ง สนุกสนาน
จริงๆ แล้วตัวเลขค่าใช้จ่ายแรลลี่ปี 2549 ที่สูงถึง 1.725 ล้านบาทนั้น เป็นเพราะเป็นการรวมค่าใช้จ่ายแรลลี่ 2 ครั้ง กล่าวคือ มีค่าใช้จ่ายแรลลี่เส้นทางกรุงเทพฯ-ชะอำ ของคณะกรรมการชุดเพ็ญรุ่งร่วมอยู่ด้วย เนื่องจากแรลลี่ครั้งนั้นจัดขึ้นในเดือนมกราคม 2549 ขณะที่แรลลี่เส้นทางกรุงเทพ-ระยอง ของคณะกรรมการชุดปี 2549 จัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2549 แต่หากแยกพิจารณาเฉพาะการจัดแรลลี่เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง ปรากฏว่า เรามีรายรับถึง 3.2 ล้านบาท ขณะที่มีค่าใช้จ่าย 9.4 แสนบาท
หมายความว่า การจัดแรลลี่มีรายรับสูงกว่ารายจ่ายถึง 2.2 ล้านบาทเศษ มีเหลือมากพอที่จะสามารถนำไปจัดกิจกรรมสังคมตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ที่โรงเรียนวัดปากสมุทร จังหวัดสมุทรสาคร และเหลือพอที่จะเก็บเข้าเป็นทุนสำหรับใช้บริหารจัดการงานของสมาคมได้อีก
หวังใจว่าสมาชิกทุกท่านจะสบายใจขึ้น หลังได้รับทราบข้อมูลทั้งหมด แต่หากยังมีข้อสงสัยคณะกรรมการฯ พร้อมจะชี้แจงในทุกประเด็น และต้องขอขอบคุณสมาชิกหลายท่านที่ห่วงใย ถามไถ่กันเข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่สมาชิกเอาใจใส่และติดตามการดำเนินงานของสมาคมอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพราะสมาคมของเรา ทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของอยู่แล้ว
ขอบคุณจากใจ…